โบรกเกอร์หุ้นไทยค่าธรรมเนียมซื้อขายหุ้นถูก ไม่มีขั้นต่ำ 2025

โบรกเกอร์หุ้นไทยค่าธรรมเนียมซื้อขายหุ้นถูก ไม่มีขั้นต่ำ 2025
Table of Contents

อยากซื้อหุ้น แต่จะเลือกโบรกเกอร์หุ้นไหนดี? มีโบรกเกอร์ไทยไหนค่าธรรมเนียมถูก ไม่มีขั้นต่ำบ้างนะ ในวันนี้คุณน้าจะพาไปดูค่าธรรมเนียมการซื้อขายหุ้นของโบรกเกอร์แต่ละรายกันค่ะว่าเป็นอย่างไร จะมีโบรกเกอร์ไหนน่าสนใจบ้าง? ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันค่ะ

*หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงบทความให้ความรู้เท่านั้น ไม่ได้เป็นการชักชวนเพื่อลงทุนแต่อย่างใด โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

โบรกเกอร์หุ้น คืออะไร?

โบรกเกอร์ คือ นายหน้าหรือบริษัทที่ให้บริการซื้อขายหลักทรัพย์แก่นักลงทุน ซึ่งหุ้นก็ถือเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่โบรกเกอร์ให้บริการซื้อขายบนตลาดหลักทรัพย์นั่นเองค่ะ

ซื้อหุ้นได้ที่ไหน?

นักลงทุนสามารถซื้อขายหุ้นไทยได้ผ่านช่องทาง ดังต่อไปนี้ค่ะ

  • เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของโบรกเกอร์ที่ใช้บริการ
  • เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน Streaming
  • ช่องทางอื่น ๆ ที่โบรกเกอร์ให้บริการ

อย่างไรก็ดี นักลงทุนจะต้องมี “บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์” ที่เปิดกับโบรกเกอร์ก่อนเป็นอันดับแรกค่ะ

เปิดพอร์ตหุ้นใช้เอกสารอะไรบ้าง?

ถ้าอยากเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์หรือพอร์ตหุ้น สิ่งที่เราต้องเตรียมมีดังนี้ค่ะ

  1. บัตรประจำตัวประชาชน
  2. สำเนาใบแจ้งเปลี่ยนชื่อสกุล (กรณีเปลี่ยนชื่อ)
  3. หน้าบัญชีเงินฝากธนาคาร
  4. สำเนาทะเบียนบ้าน
  5. หลักฐานการเงินย้อนหลัง (Statement) 3 เดือน

ทั้งนี้ เอกสารที่ใช้ในการเปิดพอร์ตของแต่ละโบรกเกอร์อาจแตกต่างกันค่ะ เพราะฉะนั้น อย่าลืมไปตรวจสอบข้อมูลกับโบรกเกอร์ที่ตัวเองต้องการใช้บริการกันนะคะ

คุณน้าพาเทรด

*ข้อควรรู้ก่อนเปิดพอร์ตหุ้น : การสมัครเพื่อเปิดบัญชีซื้อขายหุ้น ผู้ทำรายการ (นักลงทุน) จะต้องมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปค่ะ

3 ขั้นตอนเปิดพอร์ตหุ้นง่าย ๆ มือใหม่ทำตามได้

คุณน้าพาเทรด

1. เลือกโบรกเกอร์หุ้นที่ต้องการเปิดพอร์ต

หากทุกคนมีโบรกเกอร์ที่ต้องการเปิดพอร์ตแล้ว ให้เข้าไปที่เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของโบรกเกอร์ จากนั้นเริ่มเปิดบัญชีซื้อขาย

2. กรอกข้อมูลและยืนยันตัวตน

จากนั้น กรอกข้อมูลส่วนตัว, ยืนยันอีเมล และยืนยันตัวตนด้วยเอกสารดังข้างต้นเลยค่ะ เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

3. รออนุมัติ

หลังจากที่เราทำตามขั้นตอนแล้วก็รอการอนุมัติจากโบรกเกอร์ ซึ่งจะใช้เวลาในการพิจารณาและจัดส่งเลขที่บัญชี, Username, วงเงินที่ได้อนุมัติ และคู่มือในการใช้งานไม่เกิน 1 สัปดาห์ สูงสุดไม่เกิน 3 สัปดาห์ค่ะ


วิธีเลือกโบรกเกอร์ โบรกเกอร์หุ้นไหนดี?

เป็นธรรมดาที่เราจะมองหาผู้ให้บริการที่ดีที่สุด แต่การจะดูว่าโบรกเกอร์ไหนดีนั้น มีเกณฑ์ที่ควรนำมาพิจารณา ดังนี้ค่ะ

1. ดูการกำกับดูแล

โบรกเกอร์จำเป็นต้องได้รับใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแล ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในประเทศไทย ก็คือ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ที่จะคอยกำกับดูแลตลาดทุน ทั้งสินค้า/บริการ และผู้ประกอบการให้เป็นไปอย่างถูกต้องค่ะ

2. ดูค่าธรรมเนียม

เราจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมหรือค่านายหน้าให้แก่โบรกเกอร์ในการใช้บริการ ซึ่งจะมีอัตราการเรียกเก็บที่แตกต่างกันแล้วแต่โบรกเกอร์ โดยค่าธรรมเนียม 3 ส่วนหลัก ๆ ที่ควรนำมาพิจารณา ดังนี้

  • ค่าธรรมเนียมในการซื้อขาย : จำนวนเงินที่นักลงทุนจะต้องจ่ายให้กับโบรกเกอร์เมื่อซื้อขายหน่วยลงทุน โดยจะเสียค่าธรรมเนียมตามที่โบรกเกอร์ระบุต่อการลงทุน 10,000 บาท
  • ค่าธรรมเนียมขั้นต่ำ : จำนวนเงินที่นักลงทุนจะต้องจ่ายให้กับโบรกเกอร์เมื่อมีการซื้อขายต่อวัน
  • ค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม : จำนวนเงินที่นักลงทุนจะต้องจ่ายให้กับโบรกเกอร์เพิ่มเติม ยกตัวอย่างเช่น ภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือค่าธรรมเนียมการโอนเงินระหว่างประเทศ เป็นต้น

3. ดูผลิตภัณฑ์ที่ให้ซื้อขาย

โบรกเกอร์แต่ละรายมีการให้บริการผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกัน ซึ่งหากเราต้องการลงทุนในสินทรัพย์ใด ๆ ควรจะตรวจสอบกับโบรกเกอร์ก่อนตัดสินใจเปิดใช้บริการค่ะ

4. ดูเครื่องมือการซื้อขายที่ให้บริการ

เครื่องมือการซื้อขายที่โบรกเกอร์อำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้านั้นมีความแตกต่างกัน ซึ่งจะส่งผลต่อความสะดวกในการใช้งานที่แตกต่างกันตามไปด้วย ดังนั้น อย่าลืมตรวจสอบเครื่องมือที่โบรกเกอร์ให้บริการกันด้วยนะคะ

5. ดูการให้บริการหลังการขาย

การให้บริการหลังการขาย ทั้งในแง่ของการจัดส่งเอกสาร, การดำเนินการส่งคำสั่งซื้อขาย, การแจ้งเตือนต่าง ๆ ตลอดจนบทวิเคราะห์และสื่อการสอนที่โบรกเกอร์มอบให้แก่ลูกค้านั้นมีความเหมาะสมหรือไม่ ก็เป็นเรื่องที่ควรพิจารณาเช่นเดียวกันค่ะ


Tip ปัจจัยที่ส่งผลต่อค่าธรรมเนียมการซื้อขายหุ้น มีอะไรบ้าง?

สำหรับปัจจัยที่ส่งต่อค่าธรรมเนียมของโบรกเกอร์จะแบ่งออกเป็น 5 ปัจจัย โดยมีรายละเอียด ดังนี้ค่ะ

1. ประเภทของบัญชีหุ้น

แต่ละบัญชีจะคิดค่าธรรมเนียมที่แตกต่างกัน ยกตัวอย่างเช่น บัญชี Cash Balance จะคิดค่าธรรมเนียมถูกกว่าบัญชีที่มีการซื้อขายผ่านเจ้าหน้าที่ค่ะ

เกร็ดความรู้ บัญชีหุ้นมีกี่ประเภท?

โดยปกติแล้ว บัญชีหุ้นแบ่งออกเป็น 3 ประเภท โดยมีรายละเอียด ดังนี้ค่ะ

1. Cash Balance : บัญชีที่ต้องฝากเงินสดเต็มจำนวนกับทางโบรกเกอร์ก่อนจึงจะสามารถซื้อขายหุ้นได้ค่ะ โดยบัญชีประเภทนี้ เหมาะสำหรับนักลงทุนมือใหม่ เนื่องจากเป็นบัญชีที่ค่าคอมมิชชันต่ำ และที่สำคัญ ก็คือ ช่วยป้องกันไม่ให้นักลงทุนลงทุนเกินจำนวนเงินที่ฝากไว้นั่นเองค่ะ

2. Cash Account : บัญชีที่ต้องวางหลักประกันเป็นหุ้นหรือเงินสดอย่างน้อย 20% ของมูลค่าคำสั่งซื้อจึงจะสามารถซื้อหุ้นได้ และหลังจากนั้น นักลงทุนต้องโอนเงินสดเต็มจำนวนให้กับทางโบรกเกอร์ภายใน 2 วันทำการ (T+2) ซึ่งหากไม่โอนภายในระยะเวลาที่กำหนดจะต้องเสียค่าปรับค่ะ สำหรับข้อดีของบัญชีหุ้นประเภทนี้ ก็คือ มีความยืดหยุ่นในการซื้อขายมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

3. Credit Balance : บัญชีที่นักลงทุนสามารถกู้ยืมเงินกับโบรกเกอร์เพื่อไปซื้อหุ้นได้ค่ะ ซึ่งบัญชีประเภทนี้จะถูกเรียกว่า “บัญชี Margin” โดยนักลงทุนต้องวางหลักประกันเป็นหุ้นหรือเงินสดตามเงื่อนไขที่ทางโบรกเกอร์กำหนดไว้ อีกทั้ง ทางโบรกเกอร์จะคิดดอกเบี้ยสำหรับการกู้ยืมด้วยค่ะ 

สำหรับจุดเด่นของ Credit Balance คือ นักลงทุนสามารถเพิ่มอำนาจในการซื้อหุ้นได้มากขึ้น เพราะสามารถซื้อหุ้นได้ในจำนวนที่มากกว่าเงินที่คุณมีอยู่

2. นโยบายการคิดค่าธรรมเนียมของแต่ละโบรกเกอร์แตกต่างกัน

โบรกเกอร์หุ้นจะคิดค่าธรรมเนียมแตกต่างกันออกไปค่ะ ทั้งการคิดค่าธรรมเนียมขั้นต่ำต่อวัน และมูลค่าของการซื้อขาย โดยปกติแล้ว มูลค่าการซื้อขายจะถูกคำนวณแบบระบบขั้นบันได (Sliding Scale)

3. ค่าธรรมเนียมในการดูแลของตลาดหลักทรัพย์

ทางโบรกเกอร์จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมตลาดหลักทรัพย์, ค่าธรรมเนียมการชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ และค่าธรรมเนียมการกำกับดูแลเพิ่มเติมค่ะ

4. ช่องทางการซื้อขาย

การส่งคำสั่งซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ตมักจะมีค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่าการส่งคำสั่งซื้อขายผ่านเจ้าหน้าที่หรือผู้แนะนำการลงทุนค่ะ

5. ภาษีมูลค่าเพิ่ม

ทางโบรกเกอร์จะเรียกเก็บจากค่าธรรมเนียมในการซื้อขายหุ้น เพื่อนำส่งให้ทางภาครัฐค่ะ ซึ่งในปัจจุบันภาษีมูลค่าเพิ่มจะถูกคิดอยู่ที่ 7%


เปรียบเทียบโบรกเกอร์หุ้นไทย อัปเดตล่าสุด ปี 2025

ปัจจุบัน มีโบรกเกอร์หุ้นที่จดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และเปิดให้บริการซื้อขายผ่านช่องทางออนไลน์ทั้งสิ้น 30 บริษัท ดังนี้ค่ะ

โบรกเกอร์หุ้นชื่อบริษัทผลิตภัณฑ์ที่ให้บริการ
หุ้นอนุพันธ์กองทุน
AIRAบริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า จำกัด (มหาชน)
ASLบริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด
ASPบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด
BLSบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน)
BYDบริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน)
CGSIบริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด
DAOL SECบริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
DBSVบริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด
FSSบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน)
GLOBLEXบริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด
INVXบริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด
IVGบริษัทหลักทรัพย์ ไอ วี โกลบอล จำกัด (มหาชน)
KGIบริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
KINGSFORDบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด (มหาชน)
KKPSบริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน)
KSบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
KSSบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน)
KTXบริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด
LHSบริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)
LIBบริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด
PIบริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน)
PSTบริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
MBKETบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
SBITOบริษัทหลักทรัพย์ เอสบีไอ ไทย ออนไลน์ จำกัด
TISCOบริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด
TNSบริษัทหลักทรัพย์ธนชาต จำกัด (มหาชน)
TRINITYบริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด
UOBKHบริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบีเคย์เฮียน
YUANTAบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด
Zบริษัทหลักทรัพย์ จีเอ็มโอ-แซด คอม (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)


เปิดพอร์ตหุ้นที่ไหนดี โบรกเกอร์หุ้นไทยไม่มีค่าธรรมเนียมขั้นต่ำ ปี 2025

  • BLS ค่าธรรมเนียมซื้อขายอยู่ที่ 0.15% – 0.25%
  • KS ค่าธรรมเนียมซื้อขายอยู่ที่ 0.10% – 0.25%
  • SBITO ค่าธรรมเนียมซื้อขายอยู่ที่ 0.075% – 0.020%
  • FSS ค่าธรรมเนียมซื้อขายอยู่ที่ 0.001% – 0.250%
  • GLOBLEX ค่าธรรมเนียมซื้อขายอยู่ที่ 0.2%
  • KINGSFORD ค่าธรรมเนียมซื้อขายอยู่ที่ 0.117% – 0.257%
  • YUANTA ค่าธรรมเนียมซื้อขายอยู่ที่ 0.107% – 0.257%
  • KKPS ค่าธรรมเนียมซื้อขายอยู่ที่ 0.001% – 0.25%
  • CGSI ค่าธรรมเนียมซื้อขายอยู่ที่ 0.107% – 0.257%
  • DAOLSEC ค่าธรรมเนียมซื้อขายอยู่ที่ 0.11% – 0.25%
  • INVX ค่าธรรมเนียมซื้อขายอยู่ที่ 0.10% – 0.25%
  • BYD ค่าธรรมเนียมซื้อขายอยู่ที่ 0.107% – 0.140%
  • PI ค่าธรรมเนียมซื้อขายเริ่มต้นอยู่ที่ 0.20%
  • PST ค่าธรรมเนียมซื้อขายอยู่ที่ 0.15% – 0.25%
  • LIB ค่าธรรมเนียมซื้อขายอยู่ที่ 0.15%
  • KTX ค่าธรรมเนียมซื้อขายอยู่ที่ 0.10% – 0.257%
  • TISCO ค่าธรรมเนียมซื้อขายอยู่ที่ 0.001% – 0.257%
  • Z ค่าธรรมเนียมซื้อขายอยู่ที่ 0.065% – 0.300%


โบรกเกอร์หุ้นไทยค่าธรรมเนียมถูก มีขั้นต่ำ 2025

AIRA

  • ค่าธรรมเนียมซื้อขายอยู่ที่ 0.15% – 0.20%
  • ค่าธรรมเนียมขั้นต่ำอยู่ที่ 50 บาทต่อวัน

ASL

  • ค่าธรรมเนียมซื้อขายอยู่ที่ 0.15% – 0.25%
  • ค่าธรรมเนียมขั้นต่ำอยู่ที่ 50 บาทต่อวัน

ASP

  • ค่าธรรมเนียมซื้อขายอยู่ที่ 0.10% – 0.25%
  • ค่าธรรมเนียมขั้นต่ำอยู่ที่ 50 บาทต่อวัน

DBSV

  • ค่าธรรมเนียมซื้อขายอยู่ที่ 0.11% – 0.25%
  • ค่าธรรมเนียมขั้นต่ำอยู่ที่ 50 บาทต่อวัน

IVG

  • ค่าธรรมเนียมซื้อขายอยู่ที่ 0.10% – 0.25%
  • ค่าธรรมเนียมขั้นต่ำอยู่ที่ 50 บาทต่อวัน

KGI

  • ค่าธรรมเนียมซื้อขายเรียกเก็บตามจริง
  • ค่าธรรมเนียมขั้นต่ำอยู่ที่ 50 บาทต่อวัน

KSS

  • ค่าธรรมเนียมซื้อขายอยู่ที่ 0.10% – 0.25%
  • ค่าธรรมเนียมขั้นต่ำอยู่ที่ 50 บาทต่อวัน

LHS

  • ค่าธรรมเนียมซื้อขายอยู่ที่ 0.107% – 0.257%
  • ค่าธรรมเนียมขั้นต่ำอยู่ที่ 30 บาทต่อวัน

MBKET

  • ค่าธรรมเนียมซื้อขายอยู่ที่ 0.107% – 0.227%
  • ค่าธรรมเนียมขั้นต่ำอยู่ที่ 50 บาทต่อวัน

TNS

  • ค่าธรรมเนียมซื้อขายอยู่ที่ 0.107% – 0.257%
  • ค่าธรรมเนียมขั้นต่ำอยู่ที่ 50 บาทต่อวัน

TRINITY

  • ค่าธรรมเนียมซื้อขายอยู่ที่ 0.107% – 0.257%
  • ค่าธรรมเนียมขั้นต่ำอยู่ที่ 50 บาทต่อวัน

UOBKH

  • ค่าธรรมเนียมซื้อขายอยู่ที่ 0.107% – 0.257%
  • ค่าธรรมเนียมขั้นต่ำอยู่ที่ 50 บาทต่อวัน


เปรียบเทียบเครื่องมือการซื้อขายของโบรกเกอร์หุ้นใน Streaming

โบรกเกอร์หุ้นConditional OrderDCA OrderStock ScreenerTechnical Chart
AIRA
ASL
ASP
BLS
BYD
CGSI
DAOL SEC
DBSV
FSS
GLOBLEX
INVX
IVG
KCS
KGI
KINGSFORD
KKPS
KS
KSS
KTX
LHS
MST
KKPS
PHILLIP (PST)
PI
SBITO
TISCO
TNS
TRINITY
UOBKH
YUANTA
Z

*หมายเหตุ : รายละเอียดการเปิดบัญชีของแต่ละโบรกเกอร์อาจมีการเปลี่ยนแปลง กรุณาติดต่อสอบถามข้อมูล ก่อนเปิดบัญชี

โบรกเกอร์หุ้นไทยค่าธรรมเนียมถูก มีขั้นต่ำ VS ไม่มีขั้นต่ำ แบบไหนดี?

สำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่มีต้นทุนจำกัด และต้องการทยอยซื้อขายหุ้นทีละเล็กละน้อย ทำให้มูลค่าการซื้อขายต่อวันต่ำ คุณน้าขอแนะนำให้เลือกโบรกเกอร์หุ้นที่ไม่มีขั้นต่ำจะดีกว่าค่ะ ซึ่งนักลงทุนอาจจะต้องเสียค่าธรรมเนียมในอัตราที่สูงกว่าความเป็นจริง เพราะโบรกเกอร์หุ้นจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมหลายส่วนด้วยกัน ไม่ใช่แค่ค่าธรรมเนียมขั้นต่ำเพียงอย่างเดียว แล้วอย่างนี้ โบรกเกอร์หุ้นค่าธรรมเนียมขั้นต่ำ เหมาะกับใคร? คุณน้ามองว่าเหมาะกับนักลงทุนที่มีมูลค่าการซื้อขายต่อวันสูงนั่นเองค่ะ


คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโบรกเกอร์หุ้น

โบรกเกอร์ได้เงินจากอะไร?

ในการให้บริการซื้อขายหุ้นนั้น โบรกเกอร์จะได้รับ “ค่าธรรมเนียม” หรือที่เรียกว่า “ค่านายหน้า” จากการที่นักลงทุนซื้อหรือขายหลักทรัพย์เป็นผลตอบแทนค่ะ 

เริ่มต้นเล่นหุ้นใช้เงินกี่บาท?

หลายคนอาจจะคิดว่า การลงทุนในหุ้นนั้นต้องใช้เงินเยอะ ทำให้ไม่กล้าลงทุน แต่ความจริงแล้วมีเงินไม่ถึง 1,000 บาท ก็สามารถซื้อหุ้นได้ค่ะ หากหุ้นที่สนใจมีราคาต่อหน่วยต่ำก็จะทำให้ต้นทุนที่ใช้น้อยลง แต่อย่างไรก็ดี อย่าลืมศึกษาข้อมูลของหุ้นนั้น ๆ ก่อนตัดสินใจลงทุนกันด้วยนะคะ

ซื้อหุ้น 1 หน่วยหุ้นได้ไหม?

หากราคาต่อหน่วยหุ้นค่อนข้างสูง ทำให้เราไม่สามารถซื้อหุ้นแบบ Board Lot (100 หน่วยหุ้น) ได้ จะสามารถซื้อหุ้นเพียงแค่ 1 หน่วยได้หรือไม่ คำตอบ คือ ได้ค่ะ ซึ่งนักลงทุนสามารถซื้อขายหุ้นตั้งแต่ 1 – 99 หน่วยหุ้น หรือที่เรียกว่า “เศษหุ้น (Odd Lot)” ได้ผ่าน Streaming ค่ะ


สรุปโบรกเกอร์หุ้นไทยไหนดี?

จากตารางการเปรียบเทียบโบรกเกอร์หุ้นด้านบน ทุกคนจะเห็นว่า รายละเอียดเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมซื้อขายหุ้นของโบรกเกอร์แต่ละรายจะค่อนข้างใกล้เคียงกันค่ะ สำหรับนักลงทุนมือใหม่ คุณน้าขอแนะนำการเลือกค่าธรรมเนียม โบรกเกอร์หุ้นไม่มีขั้นต่ำจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจค่ะ เพราะยังมีค่าธรรมเนียมในส่วนอื่นที่คุณต้องจ่ายเพิ่มเติม 

สำหรับนักลงทุนที่ชื่นชอบการเก็งกำไรระยะสั้นหรือนักลงทุนที่ชื่นชอบการ DCA โดยเฉพาะกับนักลงทุนที่เปิดปิดออเดอร์บ่อยครั้งต่อวัน การเลือกโบรกเกอร์หุ้นที่มีค่าธรรมเนียมต่ำก็เป็นตัวเลือกที่ดีนะคะ เพราะจะช่วยลดค่าธรรมเนียมในการซื้อขายหุ้น และเพิ่มโอกาสในการทำกำไรสุทธิได้มากขึ้นนั่นเอง


ขอบคุณข้อมูลจาก : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, Settrade และ Stock JourNoey

สำหรับใครที่สนใจอ่านรีวิวโบรกเกอร์อื่น ๆ : Review Brokers

บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing

คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge

Picture of khunnaphatrade
khunnaphatrade
Recent Post
คุยหุ้นสหรัฐ เจาะลึกทุกมุมมอง วันที่ 22 กรกฎาคม 2025
คุยหุ้นสหรัฐ เจาะลึกทุกมุมมอง วันที่ 22 กรกฎาคม 2025

ในบทความนี้เราจะมาคุยหุ้น เจาะลึกปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิคที่ส่งผลต่อตลาดหุ้นสหรัฐ รวมถึงความเสี่ยงและมุมมองในการลงทุน สายหุ้นสหรัฐห้ามพลาดบทความนี้!

วิเคราะห์ USDJPY ดูแนวโน้มราคาล่าสุด วันที่ 21 กรกฎาคม 2025
วิเคราะห์ USDJPY ดูแนวโน้มราคาล่าสุด วันที่ 21 กรกฎาคม 2025

พบกับวิเคราะห์ USDJPY ที่สายเทรดสั้นห้ามพลาด การวิเคราะห์คู่เงิน Forex ดูแนวโน้มราคาล่าสุด สำหรับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค

ทางเว็บไซต์ คุณน้าพาเทรด
ได้มีการใช้คุกกี้เพื่อช่วยปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพให้เว็บไซต์ของเราดียิ่งขึ้น


Privacy Policy