อยากซื้อหุ้น แต่จะเลือกโบรกเกอร์หุ้นไหนดี? มีโบรกเกอร์ไทยไหนค่าธรรมเนียมถูก ไม่มีขั้นต่ำบ้างนะ ในวันนี้คุณน้าจะพาไปดูค่าธรรมเนียมการซื้อขายหุ้นของโบรกเกอร์แต่ละรายกันค่ะว่าเป็นอย่างไร จะมีโบรกเกอร์ไหนน่าสนใจบ้าง? ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันค่ะ
*หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงบทความให้ความรู้เท่านั้น ไม่ได้เป็นการชักชวนเพื่อลงทุนแต่อย่างใด โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
โบรกเกอร์หุ้น คืออะไร?
โบรกเกอร์ คือ นายหน้าหรือบริษัทที่ให้บริการซื้อขายหลักทรัพย์แก่นักลงทุน ซึ่งหุ้นก็ถือเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่โบรกเกอร์ให้บริการซื้อขายบนตลาดหลักทรัพย์นั่นเองค่ะ
ซื้อหุ้นได้ที่ไหน?
นักลงทุนสามารถซื้อขายหุ้นไทยได้ผ่านช่องทาง ดังต่อไปนี้ค่ะ
- เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของโบรกเกอร์ที่ใช้บริการ
- เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน Streaming
- ช่องทางอื่น ๆ ที่โบรกเกอร์ให้บริการ
อย่างไรก็ดี นักลงทุนจะต้องมี “บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์” ที่เปิดกับโบรกเกอร์ก่อนเป็นอันดับแรกค่ะ
เปิดพอร์ตหุ้นใช้เอกสารอะไรบ้าง?
ถ้าอยากเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์หรือพอร์ตหุ้น สิ่งที่เราต้องเตรียมมีดังนี้ค่ะ
- บัตรประจำตัวประชาชน
- สำเนาใบแจ้งเปลี่ยนชื่อสกุล (กรณีเปลี่ยนชื่อ)
- หน้าบัญชีเงินฝากธนาคาร
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- หลักฐานการเงินย้อนหลัง (Statement) 3 เดือน
ทั้งนี้ เอกสารที่ใช้ในการเปิดพอร์ตของแต่ละโบรกเกอร์อาจแตกต่างกันค่ะ เพราะฉะนั้น อย่าลืมไปตรวจสอบข้อมูลกับโบรกเกอร์ที่ตัวเองต้องการใช้บริการกันนะคะ

*ข้อควรรู้ก่อนเปิดพอร์ตหุ้น : การสมัครเพื่อเปิดบัญชีซื้อขายหุ้น ผู้ทำรายการ (นักลงทุน) จะต้องมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปค่ะ
3 ขั้นตอนเปิดพอร์ตหุ้นง่าย ๆ มือใหม่ทำตามได้

1. เลือกโบรกเกอร์หุ้นที่ต้องการเปิดพอร์ต
หากทุกคนมีโบรกเกอร์ที่ต้องการเปิดพอร์ตแล้ว ให้เข้าไปที่เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของโบรกเกอร์ จากนั้นเริ่มเปิดบัญชีซื้อขาย
2. กรอกข้อมูลและยืนยันตัวตน
จากนั้น กรอกข้อมูลส่วนตัว, ยืนยันอีเมล และยืนยันตัวตนด้วยเอกสารดังข้างต้นเลยค่ะ เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
3. รออนุมัติ
หลังจากที่เราทำตามขั้นตอนแล้วก็รอการอนุมัติจากโบรกเกอร์ ซึ่งจะใช้เวลาในการพิจารณาและจัดส่งเลขที่บัญชี, Username, วงเงินที่ได้อนุมัติ และคู่มือในการใช้งานไม่เกิน 1 สัปดาห์ สูงสุดไม่เกิน 3 สัปดาห์ค่ะ

วิธีเลือกโบรกเกอร์ โบรกเกอร์หุ้นไหนดี?
เป็นธรรมดาที่เราจะมองหาผู้ให้บริการที่ดีที่สุด แต่การจะดูว่าโบรกเกอร์ไหนดีนั้น มีเกณฑ์ที่ควรนำมาพิจารณา ดังนี้ค่ะ
1. ดูการกำกับดูแล
โบรกเกอร์จำเป็นต้องได้รับใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแล ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในประเทศไทย ก็คือ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ที่จะคอยกำกับดูแลตลาดทุน ทั้งสินค้า/บริการ และผู้ประกอบการให้เป็นไปอย่างถูกต้องค่ะ
2. ดูค่าธรรมเนียม
เราจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมหรือค่านายหน้าให้แก่โบรกเกอร์ในการใช้บริการ ซึ่งจะมีอัตราการเรียกเก็บที่แตกต่างกันแล้วแต่โบรกเกอร์ โดยค่าธรรมเนียม 3 ส่วนหลัก ๆ ที่ควรนำมาพิจารณา ดังนี้
- ค่าธรรมเนียมในการซื้อขาย : จำนวนเงินที่นักลงทุนจะต้องจ่ายให้กับโบรกเกอร์เมื่อซื้อขายหน่วยลงทุน โดยจะเสียค่าธรรมเนียมตามที่โบรกเกอร์ระบุต่อการลงทุน 10,000 บาท
- ค่าธรรมเนียมขั้นต่ำ : จำนวนเงินที่นักลงทุนจะต้องจ่ายให้กับโบรกเกอร์เมื่อมีการซื้อขายต่อวัน
- ค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม : จำนวนเงินที่นักลงทุนจะต้องจ่ายให้กับโบรกเกอร์เพิ่มเติม ยกตัวอย่างเช่น ภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือค่าธรรมเนียมการโอนเงินระหว่างประเทศ เป็นต้น
3. ดูผลิตภัณฑ์ที่ให้ซื้อขาย
โบรกเกอร์แต่ละรายมีการให้บริการผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกัน ซึ่งหากเราต้องการลงทุนในสินทรัพย์ใด ๆ ควรจะตรวจสอบกับโบรกเกอร์ก่อนตัดสินใจเปิดใช้บริการค่ะ
4. ดูเครื่องมือการซื้อขายที่ให้บริการ
เครื่องมือการซื้อขายที่โบรกเกอร์อำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้านั้นมีความแตกต่างกัน ซึ่งจะส่งผลต่อความสะดวกในการใช้งานที่แตกต่างกันตามไปด้วย ดังนั้น อย่าลืมตรวจสอบเครื่องมือที่โบรกเกอร์ให้บริการกันด้วยนะคะ
5. ดูการให้บริการหลังการขาย
การให้บริการหลังการขาย ทั้งในแง่ของการจัดส่งเอกสาร, การดำเนินการส่งคำสั่งซื้อขาย, การแจ้งเตือนต่าง ๆ ตลอดจนบทวิเคราะห์และสื่อการสอนที่โบรกเกอร์มอบให้แก่ลูกค้านั้นมีความเหมาะสมหรือไม่ ก็เป็นเรื่องที่ควรพิจารณาเช่นเดียวกันค่ะ
Tip ปัจจัยที่ส่งผลต่อค่าธรรมเนียมการซื้อขายหุ้น มีอะไรบ้าง?
สำหรับปัจจัยที่ส่งต่อค่าธรรมเนียมของโบรกเกอร์จะแบ่งออกเป็น 5 ปัจจัย โดยมีรายละเอียด ดังนี้ค่ะ
1. ประเภทของบัญชีหุ้น
แต่ละบัญชีจะคิดค่าธรรมเนียมที่แตกต่างกัน ยกตัวอย่างเช่น บัญชี Cash Balance จะคิดค่าธรรมเนียมถูกกว่าบัญชีที่มีการซื้อขายผ่านเจ้าหน้าที่ค่ะ
เกร็ดความรู้ บัญชีหุ้นมีกี่ประเภท?
โดยปกติแล้ว บัญชีหุ้นแบ่งออกเป็น 3 ประเภท โดยมีรายละเอียด ดังนี้ค่ะ
1. Cash Balance : บัญชีที่ต้องฝากเงินสดเต็มจำนวนกับทางโบรกเกอร์ก่อนจึงจะสามารถซื้อขายหุ้นได้ค่ะ โดยบัญชีประเภทนี้ เหมาะสำหรับนักลงทุนมือใหม่ เนื่องจากเป็นบัญชีที่ค่าคอมมิชชันต่ำ และที่สำคัญ ก็คือ ช่วยป้องกันไม่ให้นักลงทุนลงทุนเกินจำนวนเงินที่ฝากไว้นั่นเองค่ะ
2. Cash Account : บัญชีที่ต้องวางหลักประกันเป็นหุ้นหรือเงินสดอย่างน้อย 20% ของมูลค่าคำสั่งซื้อจึงจะสามารถซื้อหุ้นได้ และหลังจากนั้น นักลงทุนต้องโอนเงินสดเต็มจำนวนให้กับทางโบรกเกอร์ภายใน 2 วันทำการ (T+2) ซึ่งหากไม่โอนภายในระยะเวลาที่กำหนดจะต้องเสียค่าปรับค่ะ สำหรับข้อดีของบัญชีหุ้นประเภทนี้ ก็คือ มีความยืดหยุ่นในการซื้อขายมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
3. Credit Balance : บัญชีที่นักลงทุนสามารถกู้ยืมเงินกับโบรกเกอร์เพื่อไปซื้อหุ้นได้ค่ะ ซึ่งบัญชีประเภทนี้จะถูกเรียกว่า “บัญชี Margin” โดยนักลงทุนต้องวางหลักประกันเป็นหุ้นหรือเงินสดตามเงื่อนไขที่ทางโบรกเกอร์กำหนดไว้ อีกทั้ง ทางโบรกเกอร์จะคิดดอกเบี้ยสำหรับการกู้ยืมด้วยค่ะ
สำหรับจุดเด่นของ Credit Balance คือ นักลงทุนสามารถเพิ่มอำนาจในการซื้อหุ้นได้มากขึ้น เพราะสามารถซื้อหุ้นได้ในจำนวนที่มากกว่าเงินที่คุณมีอยู่
2. นโยบายการคิดค่าธรรมเนียมของแต่ละโบรกเกอร์แตกต่างกัน
โบรกเกอร์หุ้นจะคิดค่าธรรมเนียมแตกต่างกันออกไปค่ะ ทั้งการคิดค่าธรรมเนียมขั้นต่ำต่อวัน และมูลค่าของการซื้อขาย โดยปกติแล้ว มูลค่าการซื้อขายจะถูกคำนวณแบบระบบขั้นบันได (Sliding Scale)
3. ค่าธรรมเนียมในการดูแลของตลาดหลักทรัพย์
ทางโบรกเกอร์จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมตลาดหลักทรัพย์, ค่าธรรมเนียมการชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ และค่าธรรมเนียมการกำกับดูแลเพิ่มเติมค่ะ
4. ช่องทางการซื้อขาย
การส่งคำสั่งซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ตมักจะมีค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่าการส่งคำสั่งซื้อขายผ่านเจ้าหน้าที่หรือผู้แนะนำการลงทุนค่ะ
5. ภาษีมูลค่าเพิ่ม
ทางโบรกเกอร์จะเรียกเก็บจากค่าธรรมเนียมในการซื้อขายหุ้น เพื่อนำส่งให้ทางภาครัฐค่ะ ซึ่งในปัจจุบันภาษีมูลค่าเพิ่มจะถูกคิดอยู่ที่ 7%
เปรียบเทียบโบรกเกอร์หุ้นไทย อัปเดตล่าสุด ปี 2025
ปัจจุบัน มีโบรกเกอร์หุ้นที่จดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และเปิดให้บริการซื้อขายผ่านช่องทางออนไลน์ทั้งสิ้น 30 บริษัท ดังนี้ค่ะ
โบรกเกอร์หุ้น | ชื่อบริษัท | ผลิตภัณฑ์ที่ให้บริการ | ||
หุ้น | อนุพันธ์ | กองทุน | ||
AIRA | บริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า จำกัด (มหาชน) | ✅ | ✅ | ❌ |
ASL | บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด | ✅ | ✅ | ❌ |
ASP | บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด | ✅ | ✅ | ❌ |
BLS | บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) | ✅ | ✅ | ✅ |
BYD | บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) | ✅ | ✅ | ❌ |
CGSI | บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด | ✅ | ✅ | ✅ |
DAOL SEC | บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) | ✅ | ✅ | ✅ |
DBSV | บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด | ✅ | ✅ | ✅ |
FSS | บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) | ✅ | ✅ | ❌ |
GLOBLEX | บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด | ✅ | ✅ | ✅ |
INVX | บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด | ✅ | ✅ | ✅ |
IVG | บริษัทหลักทรัพย์ ไอ วี โกลบอล จำกัด (มหาชน) | ✅ | ✅ | ❌ |
KGI | บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) | ✅ | ✅ | ✅ |
KINGSFORD | บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด (มหาชน) | ✅ | ✅ | ❌ |
KKPS | บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) | ✅ | ✅ | ❌ |
KS | บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) | ✅ | ✅ | ✅ |
KSS | บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) | ✅ | ✅ | ✅ |
KTX | บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด | ✅ | ✅ | ❌ |
LHS | บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) | ✅ | ✅ | ❌ |
LIB | บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด | ✅ | ✅ | ❌ |
PI | บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) | ✅ | ✅ | ❌ |
PST | บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) | ✅ | ✅ | ❌ |
MBKET | บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) | ✅ | ✅ | ✅ |
SBITO | บริษัทหลักทรัพย์ เอสบีไอ ไทย ออนไลน์ จำกัด | ✅ | ✅ | ✅ |
TISCO | บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด | ✅ | ✅ | ✅ |
TNS | บริษัทหลักทรัพย์ธนชาต จำกัด (มหาชน) | ✅ | ✅ | ✅ |
TRINITY | บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด | ✅ | ✅ | ❌ |
UOBKH | บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบีเคย์เฮียน | ✅ | ✅ | ❌ |
YUANTA | บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด | ✅ | ✅ | ✅ |
Z | บริษัทหลักทรัพย์ จีเอ็มโอ-แซด คอม (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) | ✅ | ✅ | ❌ |
เปิดพอร์ตหุ้นที่ไหนดี โบรกเกอร์หุ้นไทยไม่มีค่าธรรมเนียมขั้นต่ำ ปี 2025

- BLS ค่าธรรมเนียมซื้อขายอยู่ที่ 0.15% – 0.25%
- KS ค่าธรรมเนียมซื้อขายอยู่ที่ 0.10% – 0.25%
- SBITO ค่าธรรมเนียมซื้อขายอยู่ที่ 0.075% – 0.020%
- FSS ค่าธรรมเนียมซื้อขายอยู่ที่ 0.001% – 0.250%
- GLOBLEX ค่าธรรมเนียมซื้อขายอยู่ที่ 0.2%
- KINGSFORD ค่าธรรมเนียมซื้อขายอยู่ที่ 0.117% – 0.257%
- YUANTA ค่าธรรมเนียมซื้อขายอยู่ที่ 0.107% – 0.257%
- KKPS ค่าธรรมเนียมซื้อขายอยู่ที่ 0.001% – 0.25%
- CGSI ค่าธรรมเนียมซื้อขายอยู่ที่ 0.107% – 0.257%
- DAOLSEC ค่าธรรมเนียมซื้อขายอยู่ที่ 0.11% – 0.25%
- INVX ค่าธรรมเนียมซื้อขายอยู่ที่ 0.10% – 0.25%
- BYD ค่าธรรมเนียมซื้อขายอยู่ที่ 0.107% – 0.140%
- PI ค่าธรรมเนียมซื้อขายเริ่มต้นอยู่ที่ 0.20%
- PST ค่าธรรมเนียมซื้อขายอยู่ที่ 0.15% – 0.25%
- LIB ค่าธรรมเนียมซื้อขายอยู่ที่ 0.15%
- KTX ค่าธรรมเนียมซื้อขายอยู่ที่ 0.10% – 0.257%
- TISCO ค่าธรรมเนียมซื้อขายอยู่ที่ 0.001% – 0.257%
- Z ค่าธรรมเนียมซื้อขายอยู่ที่ 0.065% – 0.300%
โบรกเกอร์หุ้นไทยค่าธรรมเนียมถูก มีขั้นต่ำ 2025

AIRA
- ค่าธรรมเนียมซื้อขายอยู่ที่ 0.15% – 0.20%
- ค่าธรรมเนียมขั้นต่ำอยู่ที่ 50 บาทต่อวัน
ASL
- ค่าธรรมเนียมซื้อขายอยู่ที่ 0.15% – 0.25%
- ค่าธรรมเนียมขั้นต่ำอยู่ที่ 50 บาทต่อวัน
ASP
- ค่าธรรมเนียมซื้อขายอยู่ที่ 0.10% – 0.25%
- ค่าธรรมเนียมขั้นต่ำอยู่ที่ 50 บาทต่อวัน
DBSV
- ค่าธรรมเนียมซื้อขายอยู่ที่ 0.11% – 0.25%
- ค่าธรรมเนียมขั้นต่ำอยู่ที่ 50 บาทต่อวัน
IVG
- ค่าธรรมเนียมซื้อขายอยู่ที่ 0.10% – 0.25%
- ค่าธรรมเนียมขั้นต่ำอยู่ที่ 50 บาทต่อวัน
KGI
- ค่าธรรมเนียมซื้อขายเรียกเก็บตามจริง
- ค่าธรรมเนียมขั้นต่ำอยู่ที่ 50 บาทต่อวัน
KSS
- ค่าธรรมเนียมซื้อขายอยู่ที่ 0.10% – 0.25%
- ค่าธรรมเนียมขั้นต่ำอยู่ที่ 50 บาทต่อวัน
LHS
- ค่าธรรมเนียมซื้อขายอยู่ที่ 0.107% – 0.257%
- ค่าธรรมเนียมขั้นต่ำอยู่ที่ 30 บาทต่อวัน
MBKET
- ค่าธรรมเนียมซื้อขายอยู่ที่ 0.107% – 0.227%
- ค่าธรรมเนียมขั้นต่ำอยู่ที่ 50 บาทต่อวัน
TNS
- ค่าธรรมเนียมซื้อขายอยู่ที่ 0.107% – 0.257%
- ค่าธรรมเนียมขั้นต่ำอยู่ที่ 50 บาทต่อวัน
TRINITY
- ค่าธรรมเนียมซื้อขายอยู่ที่ 0.107% – 0.257%
- ค่าธรรมเนียมขั้นต่ำอยู่ที่ 50 บาทต่อวัน
UOBKH
- ค่าธรรมเนียมซื้อขายอยู่ที่ 0.107% – 0.257%
- ค่าธรรมเนียมขั้นต่ำอยู่ที่ 50 บาทต่อวัน
เปรียบเทียบเครื่องมือการซื้อขายของโบรกเกอร์หุ้นใน Streaming
โบรกเกอร์หุ้น | Conditional Order | DCA Order | Stock Screener | Technical Chart |
AIRA | ✅ | ✅ | ✅ | ✅ |
ASL | ✅ | ✅ | ✅ | ✅ |
ASP | ✅ | ✅ | ✅ | ✅ |
BLS | ❌ | ✅ | ✅ | ✅ |
BYD | ✅ | ✅ | ✅ | ✅ |
CGSI | ✅ | ✅ | ✅ | ✅ |
DAOL SEC | ✅ | ✅ | ✅ | ✅ |
DBSV | ✅ | ✅ | ✅ | ✅ |
FSS | ✅ | ✅ | ✅ | ✅ |
GLOBLEX | ✅ | ✅ | ✅ | ✅ |
INVX | ✅ | ✅ | ✅ | ✅ |
IVG | ❌ | ✅ | ✅ | ❌ |
KCS | ✅ | ✅ | ✅ | ✅ |
KGI | ❌ | ✅ | ✅ | ✅ |
KINGSFORD | ✅ | ✅ | ✅ | ✅ |
KKPS | ✅ | ✅ | ✅ | ✅ |
KS | ✅ | ✅ | ✅ | ✅ |
KSS | ✅ | ✅ | ✅ | ✅ |
KTX | ✅ | ✅ | ✅ | ✅ |
LHS | ❌ | ✅ | ✅ | ✅ |
MST | ✅ | ✅ | ✅ | ✅ |
KKPS | ✅ | ✅ | ✅ | ✅ |
PHILLIP (PST) | ✅ | ❌ | ✅ | ✅ |
PI | ✅ | ✅ | ✅ | ✅ |
SBITO | ✅ | ✅ | ✅ | ✅ |
TISCO | ✅ | ✅ | ✅ | ✅ |
TNS | ✅ | ✅ | ❌ | ✅ |
TRINITY | ✅ | ✅ | ✅ | ✅ |
UOBKH | ✅ | ✅ | ✅ | ✅ |
YUANTA | ✅ | ✅ | ✅ | ✅ |
Z | ✅ | ✅ | ✅ | ✅ |
*หมายเหตุ : รายละเอียดการเปิดบัญชีของแต่ละโบรกเกอร์อาจมีการเปลี่ยนแปลง กรุณาติดต่อสอบถามข้อมูล ก่อนเปิดบัญชี
โบรกเกอร์หุ้นไทยค่าธรรมเนียมถูก มีขั้นต่ำ VS ไม่มีขั้นต่ำ แบบไหนดี?
สำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่มีต้นทุนจำกัด และต้องการทยอยซื้อขายหุ้นทีละเล็กละน้อย ทำให้มูลค่าการซื้อขายต่อวันต่ำ คุณน้าขอแนะนำให้เลือกโบรกเกอร์หุ้นที่ไม่มีขั้นต่ำจะดีกว่าค่ะ ซึ่งนักลงทุนอาจจะต้องเสียค่าธรรมเนียมในอัตราที่สูงกว่าความเป็นจริง เพราะโบรกเกอร์หุ้นจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมหลายส่วนด้วยกัน ไม่ใช่แค่ค่าธรรมเนียมขั้นต่ำเพียงอย่างเดียว แล้วอย่างนี้ โบรกเกอร์หุ้นค่าธรรมเนียมขั้นต่ำ เหมาะกับใคร? คุณน้ามองว่าเหมาะกับนักลงทุนที่มีมูลค่าการซื้อขายต่อวันสูงนั่นเองค่ะ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโบรกเกอร์หุ้น
โบรกเกอร์ได้เงินจากอะไร?
ในการให้บริการซื้อขายหุ้นนั้น โบรกเกอร์จะได้รับ “ค่าธรรมเนียม” หรือที่เรียกว่า “ค่านายหน้า” จากการที่นักลงทุนซื้อหรือขายหลักทรัพย์เป็นผลตอบแทนค่ะ
เริ่มต้นเล่นหุ้นใช้เงินกี่บาท?
หลายคนอาจจะคิดว่า การลงทุนในหุ้นนั้นต้องใช้เงินเยอะ ทำให้ไม่กล้าลงทุน แต่ความจริงแล้วมีเงินไม่ถึง 1,000 บาท ก็สามารถซื้อหุ้นได้ค่ะ หากหุ้นที่สนใจมีราคาต่อหน่วยต่ำก็จะทำให้ต้นทุนที่ใช้น้อยลง แต่อย่างไรก็ดี อย่าลืมศึกษาข้อมูลของหุ้นนั้น ๆ ก่อนตัดสินใจลงทุนกันด้วยนะคะ
ซื้อหุ้น 1 หน่วยหุ้นได้ไหม?
หากราคาต่อหน่วยหุ้นค่อนข้างสูง ทำให้เราไม่สามารถซื้อหุ้นแบบ Board Lot (100 หน่วยหุ้น) ได้ จะสามารถซื้อหุ้นเพียงแค่ 1 หน่วยได้หรือไม่ คำตอบ คือ ได้ค่ะ ซึ่งนักลงทุนสามารถซื้อขายหุ้นตั้งแต่ 1 – 99 หน่วยหุ้น หรือที่เรียกว่า “เศษหุ้น (Odd Lot)” ได้ผ่าน Streaming ค่ะ
สรุปโบรกเกอร์หุ้นไทยไหนดี?
จากตารางการเปรียบเทียบโบรกเกอร์หุ้นด้านบน ทุกคนจะเห็นว่า รายละเอียดเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมซื้อขายหุ้นของโบรกเกอร์แต่ละรายจะค่อนข้างใกล้เคียงกันค่ะ สำหรับนักลงทุนมือใหม่ คุณน้าขอแนะนำการเลือกค่าธรรมเนียม โบรกเกอร์หุ้นไม่มีขั้นต่ำจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจค่ะ เพราะยังมีค่าธรรมเนียมในส่วนอื่นที่คุณต้องจ่ายเพิ่มเติม
สำหรับนักลงทุนที่ชื่นชอบการเก็งกำไรระยะสั้นหรือนักลงทุนที่ชื่นชอบการ DCA โดยเฉพาะกับนักลงทุนที่เปิดปิดออเดอร์บ่อยครั้งต่อวัน การเลือกโบรกเกอร์หุ้นที่มีค่าธรรมเนียมต่ำก็เป็นตัวเลือกที่ดีนะคะ เพราะจะช่วยลดค่าธรรมเนียมในการซื้อขายหุ้น และเพิ่มโอกาสในการทำกำไรสุทธิได้มากขึ้นนั่นเอง
ขอบคุณข้อมูลจาก : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, Settrade และ Stock JourNoey
สำหรับใครที่สนใจอ่านรีวิวโบรกเกอร์อื่น ๆ : Review Brokers
บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing
คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge