หุ้นสหรัฐถือเป็นหุ้นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ซึ่งการเคลื่อนไหวของหุ้นสหรัฐเพียงหนึ่งครั้งก็สามารถส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นอื่น ๆ ทั่วโลก ดังนั้น ในบทความนี้เราจะมาคุยหุ้น เจาะลึกปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิคที่ส่งผลต่อตลาดหุ้นสหรัฐ รวมถึงความเสี่ยงและมุมมองในการลงทุน สายวิเคราะห์หุ้นสหรัฐห้ามพลาดบทความนี้!
คุยหุ้นสหรัฐวันนี้ (US30 / DJIA)
บทวิเคราะห์ภาพรวมปัจจัยพื้นฐานหุ้นสหรัฐ
ดัชนีดาวโจนส์ฟื้นตัวขึ้นในวันจันทร์ โดยปิดตลาดในแดนบวก หลังราคาน้ำมันดิบลดลงอย่างรวดเร็ว ขณะที่นักลงทุนรู้สึกโล่งใจมากขึ้น เนื่องจากความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านดูเหมือนไม่ส่งผลกระทบทันทีต่อการผลิตน้ำมัน ซึ่งช่วยลดความกังวลด้านเงินเฟ้อ ส่งผลให้ราคาน้ำมัน Brent และ WTI ต่างลดลงกว่า 1% พลิกกลับจากราคาพุ่งขึ้นกว่า 7% เมื่อวันศุกร์ อย่างไรก็ตาม ฟิวเจอร์สดาวโจนส์หลังปิดตลาดลดลง 0.4% ขณะที่ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ลดลงตาม หลังจากทรัมป์ออกคำเตือนรุนแรงเรื่องการอพยพจากเตหะราน และความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความคืบหน้าในการเจรจาหยุดยิง
ในรายชื่อหุ้นดาวโจนส์ที่โดดเด่น U.S. Steel ดีดตัวขึ้น 5.1% หลังทรัมป์อนุมัติการควบรวมกิจการกับ Nippon Steel มูลค่า 14.9 พันล้านดอลลาร์ UPS ขยับขึ้น 1.1% จากการได้รับเลือกเป็นผู้ให้บริการจัดส่งสินค้าในโครงการ “Trump Mobile” ส่วนหุ้นผู้ผลิตชิป AMD ก็พุ่งขึ้น 8.8% หลังได้รับการปรับราคาเป้าหมายจากนักวิเคราะห์ ซึ่งช่วยหนุนความเชื่อมั่นในกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์โดยรวมค่ะ
นอกจากนี้ ในวันจันทร์ ดัชนีดาวโจนส์ยังได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มการเงินและกลุ่มผู้บริโภคเด่น ๆ หลังจากปรับฐานลงก่อนหน้า ซึ่งนักลงทุนคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะคงดอกเบี้ยในสัปดาห์นี้ โดย Goldman Sachs เป็นหนึ่งในหุ้นดาวโจนส์ที่เด่นที่สุด สะท้อนความเชื่อมั่นในกลุ่มการเงินท่ามกลางการซื้อขายค้าปลีกที่แข็งแกร่ง ขณะที่ Nike และ American Express ก็เพิ่มขึ้น 2.26% และ 2.23% ตามลำดับ และหุ้น UnitedHealth, McDonald’s และ Johnson & Johnson ปรับตัวลดลงราว 1.2–1.9% เนื่องจากมีปัจจัยเฉพาะกลุ่มกดดันค่ะ
อีกด้าน Roku พุ่งขึ้น หลังประกาศพันธมิตรโฆษณาเฉพาะกับ Amazon ส่งผลให้มีการกล่าวอ้างว่าอาจเป็น CTV (Connected TV) ที่ผ่านการรับรองและมีขนาดใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ ขณะที่ Sarepta Therapeutics ร่วง 42% หลังเปิดเผยว่ามีผู้ป่วยเสียชีวิตรายที่สองจากผลข้างเคียงของยารักษาทางพันธุกรรม ซึ่งเป็นหุ้นร่วงหนักที่สุดของวันค่ะ
อย่างไรก็ดี นักลงทุนกำลังจับตามองการประชุมนโยบายดอกเบี้ยของ Fed ซึ่งจะจัดขึ้นสองวันตั้งแต่วันอังคาร ถึงแม้คาดว่าดอกเบี้ยจะคงที่อยู่ในช่วง 4.25–4.5% แต่ตลาดจะจับตาคำพูดของประธาน Jerome Powell ว่าจะส่งสัญญาณการเปลี่ยนแปลงนโยบายในอนาคตหรือไม่ แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะเริ่มอ่อนตัวและเศรษฐกิจส่งสัญญาณชะลอตัว แต่ Fed ยังคงใช้ความระมัดระวัง อันเนื่องจากราคาน้ำมันที่ผันผวนและแรงกดดันทางการเมืองจากทรัมป์ที่เรียกร้องให้ลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมค่ะ ท่ามกลางความรู้สึกของตลาดที่ยังได้รับแรงเสริมจากความหวังที่ความตึงเครียดในตะวันออกกลางจะลดลง และการรอคอยข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญเพิ่มเติม เช่น ยอดขายปลีกและดัชนีการผลิตค่ะ
ทั้งนี้ Goldman Sachs ยังระบุว่า ครัวเรือนชาวอเมริกันยังเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในตลาดหุ้น โดยปีนี้คาดว่าจะลงทุนในหุ้นรวมสูงถึง 425 พันล้านดอลลาร์ โดยถือครองสินทรัพย์ในหุ้นถึง 49% ของพอร์ต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จึงอาจเป็นปัจจัยหนุนให้ตลาดยังคงมีเสถียรภาพ แม้จะมีความไม่แน่นอนเรื่องภาษีนำเข้าสินค้า และอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกค่ะ
บทวิเคราะห์ภาพรวมทางเทคนิคหุ้นสหรัฐ

ดัชนี US30 แสดงสัญญาณของการปรับฐานหลังจากความผันผวนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางเทคนิคในระยะสั้นชี้ว่า ดัชนีมีการเคลื่อนไหวแบบซ้ำในกรอบ โดยระดับ 42,160–42,400 จุด เป็นแนวรับสำคัญ และแนวต้านชั่วคราวอยู่ระหว่าง 42,700–42,855 จุด ขณะที่แรงดีดตัวก่อนหน้าแต่ดูเหมือนจะแผ่วลง ส่งผลให้ราคากลับมาทดสอบแนวรับ ซึ่งเกิดหลังมีการเทขายจากราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นเมื่อวันศุกร์ โดยหากหลุดแนวรับ 42,400 จากแรงขายต่อเนื่อง อาจเห็นการปรับตัวลงไปยัง 42,100 จุดได้ แต่หากเกิดแรงซื้อมากพอและทะลุ 42,700 ได้ ก็มีโอกาสทดสอบ 43,000 จุด ซึ่งถือเป็นแนวจิตวิทยาที่สำคัญค่ะ
ทั้งนี้ ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะสั้นแสดงสัญญาณอ่อนตัวเล็กน้อย บ่งชี้แนวโน้มระยะสั้นอาจชะลอตัว แต่ค่าเฉลี่ยระยะกลางถึงยาวยังคงแนวโน้มเชิงบวก ชี้ว่าการสนับสนุนทางเทรนด์ยังมีอยู่ โดยรวมแล้ว แนวโน้มของดัชนีดาวโจนส์ยังคงเป็นขาขึ้นที่ต้องใช้ความระมัดระวัง ซึ่งขึ้นอยู่กับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจมหภาคและความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ลดลงค่ะ
อย่างไรก็ดี ในแนวโน้มระยะกลาง หาก US30 สามารถยืนเหนือ 42,100 จุดได้ จะส่งผลต่อแนวโน้มเชิงบวก นักลงทุนจึงยังคงจับตาการประชุม Fed สถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลาง รวมถึงผลประกอบการและมุมมองจากบริษัทต่าง ๆ โดยหากผลตอบแทนพันธบัตรลดลงและราคาน้ำมันนิ่ง ดัชนีหุ้นดาวโจนส์อาจยังคงไปต่อได้ในสัปดาห์ต่อ ๆ ไปค่ะ
📍ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (US30 / DJIA)
- แนวรับสำคัญ : 42182.8, 42056.1, 41851.2
- แนวต้านสำคัญ : 42592.6, 42719.3, 42924.2
ข่าวที่ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มหุ้นสหรัฐ

ที่มา : Forexfactory
กำหนดการรายงานผลประกอบการ

ที่มา : TradingView
📍หุ้นสหรัฐที่น่าจับตามอง
- Goldman Sachs (GS) : หลังจากดีดตัวขึ้น 2.33% ล่าสุด ราคาหุ้นเบรกแนวต้านระยะสั้นที่ระดับ $620 และสามารถปิดเหนือเส้น EMA 20 วันอย่างชัดเจน ขณะที่ MACD ยังอยู่ในโซนบวกต่อเนื่อง และ RSI ใกล้ระดับ 65 ซึ่งบ่งชี้ว่าโมเมนตัมยังไม่หมดง่าย ๆ ค่ะ โดย GS ได้แรงหนุนจากปริมาณการซื้อขายหุ้นในตลาดรายย่อยที่ยังคงคึกคัก รวมถึงบรรยากาศเชิงบวกต่อกลุ่มการเงินโดยรวม หาก Fed ส่งสัญญาณผ่อนคลายหรือคงอัตราดอกเบี้ยในช่วงนี้ GS มีแนวโน้มจะตอบสนองในเชิงบวกค่ะ โดยเป้าหมายถัดไปอยู่ที่ $640–$650 ค่ะ
- Nike (NKE) : ปรับขึ้น 2.26% ในวันจันทร์ และสามารถทะลุแนวต้านระยะสั้นที่ $60 ได้สำเร็จค่ะ ราคาปัจจุบันยังอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน ขณะที่ RSI อยู่แถว ๆ 58 ซึ่งถือว่ายังมีพื้นที่สำหรับ upside ได้อีก
ในเชิงพื้นฐาน หุ้น Nike มักจะเป็นตัวแทนความเชื่อมั่นในภาคการบริโภคของสหรัฐฯ ค่ะ หากตัวเลขยอดขายปลีกในสัปดาห์หน้าดีกว่าคาด มีโอกาสสูงที่ NKE จะวิ่งขึ้นต่อไปที่แนวต้านถัดไปแถว $64–$65 ได้ค่ะ - American Express (AXP) : ปิดบวก 2.23% พร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นทางเทคนิค ราคาหุ้นกำลังทดสอบแนวต้านเดิมช่วง $295–$300 ซึ่งหากทะลุได้ชัดเจน จะเปิด Upside เพิ่มเติมได้ถึง $310
โดยพื้นฐานของ AXP ยังแข็งแกร่งจากการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตที่ยังเติบโตดี และได้อานิสงส์จากบรรยากาศเชิงบวกในกลุ่มการเงินเช่นเดียวกับ GS ค่ะ - U.S. Steel (X) : กระโดดขึ้นกว่า 5% หลังได้รับการอนุมัติให้ควบรวมกิจการกับ Nippon Steel จากญี่ปุ่น ซึ่งอาจสะท้อนถึงการเปลี่ยนท่าทีทางการค้าของสหรัฐฯ ได้ค่ะ ทางเทคนิค ราคาหุ้นสามารถทะลุกรอบแนวต้านที่ $53 ได้สำเร็จ พร้อมกับวอลุ่มที่พุ่งสูงขึ้น RSI อยู่แถว $68 ซึ่งบ่งชี้ว่าโมเมนตัมยังแข็งแรง หากสามารถยืนเหนือ $55 ได้ต่อเนื่อง มีโอกาสขึ้นต่อที่ $57.50–$60 ค่ะ ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานยังได้แรงหนุนจากความต้องการเหล็กที่ฟื้นตัว การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในประเทศ และแนวโน้มที่อาจได้ประโยชน์จากแรงส่งจากภาษีศุลกากรด้วยค่ะ โดยหากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ไม่ลุกลาม และอารมณ์ทางการค้าเริ่มนิ่ง หุ้น X อาจ outperform กลุ่มเหล็กอื่น ๆ ในช่วงสั้นได้เลยค่ะ
🔍คุณน้าแนะนำเทรดหุ้น CFD ไปกับโบรกเกอร์ IUX

IUX มีการให้บริการซื้อขายหุ้น CFD ประกอบไปด้วยหุ้นกลุ่ม Magnificent Seven (M7) อีกทั้งยังมีหุ้นให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Coca Cola, Adobe, Alibaba, McDonalds Incorporated และ Netflix เป็นต้น ทำให้เหมาะสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่และเทรดเดอร์รายย่อยที่มีต้นทุนจำกัดแล้วต้องการซื้อขายหุ้นระดับโลก
สรุปคุยหุ้นสหรัฐและแนวโน้มในการลงทุน (US30 / DJIA)
จุดน่าเข้า Buy
- Buy/ Long 1 : หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 41782.8 – 42182.8 แต่ไม่สามารถทะลุแนวรับที่ 42182.8 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 42599.0 และ SL ที่ประมาณ 41583.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
- Buy/ Long 2 : หากสามารถทะลุแนวต้านที่ช่วงราคา 42592.6 – 42992.6 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 43136.0 และ SL ที่ประมาณ 41981.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
จุดน่าเข้า Sell
- Sell/ Short 1 : หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 42592.6 – 42992.6 แต่ไม่สามารถทะลุแนวต้านที่ 42592.6 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 42063.0 และ SL ที่ประมาณ 43193.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
- Sell/ Short 2 : หากสามารถทะลุแนวรับที่ช่วงราคา 41782.8 – 42182.8 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 41527.0 และ SL ที่ประมาณ 42793.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
คำเตือน
บทวิเคราะห์นี้ใช้สำหรับการศึกษาข้อมูลของหุ้นสหรัฐเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลของสินทรัพย์และศึกษาความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียด ประกอบกับศึกษาแนวโน้มหุ้นและข่าวสหรัฐก่อนตัดสินใจลงทุน
สำหรับใครที่สนใจอ่านรีวิวโบรกเกอร์ : Review Brokers
บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing
คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge