วันนี้คุณน้าจะพาไปทำความเข้าใจกับนิยามของคำว่า เงินอ่อนค่า คืออะไร? แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเงินอ่อนค่าส่งผลกระทบด้านใดบ้าง แล้วเราจะเตรียมพร้อมรับมือกันยังไงดีค่ะ
*หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงบทความให้ความรู้เท่านั้น ไม่ได้เป็นการชักชวนเพื่อลงทุนแต่อย่างใด โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เงินอ่อนค่า คืออะไร?

เงินอ่อนค่า (Currency Depreciation) คือ การที่มูลค่าของสกุลเงินในประเทศลดลง เมื่อเทียบกับสกุลเงินของประเทศอื่น ๆ โดยมักจะวัดได้จากอัตราแลกเปลี่ยน โดยยังสามารถส่งผลกระทบต่อค่าดัชนีทางเศรษฐกิจได้เช่นกันค่ะ
กรณีตัวอย่างของความแตกต่างระหว่างเงินอ่อนค่าและเงินแข็งค่า
เมื่อเงินบาทอ่อนค่า เช่น 1 ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ 32.36 บาทไทย หมายความว่าต้องใช้เงินบาทมากขึ้นในการแลก 1 ดอลลาร์สหรัฐ ทำให้การนำเข้าสินค้าหรือแลกเปลี่ยนเงินตรามีต้นทุนสูงขึ้น
ในทางกลับกัน เมื่อเงินบาทแข็งค่า เช่น 1 ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ 30 บาทไทย หรือน้อยกว่านั้น จะใช้เงินบาทน้อยลงในการแลก 1 ดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ต้นทุนในการแลกเปลี่ยนหรือซื้อสินค้าจากต่างประเทศถูกลงค่ะ
ตัวอย่างเหตุการณ์ที่ทำให้ค่าเงินอ่อนลง
- ปี 2020 (COVID-19) การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด -19
การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจทั่วโลก โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการส่งออกของไทย ทำให้เม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวต่างชาติและรายได้จากการค้าระหว่างประเทศลดลง ส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงตามไปด้วยค่ะ
- ปี 2022-2023 การขึ้นดอกเบี้ยของ FED
ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลายครั้งเพื่อลดอัตราเงินเฟ้อ ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยระหว่างไทยกับสหรัฐฯ มีความแตกต่างกันมากขึ้น นักลงทุนจึงมีแนวโน้มย้ายเงินทุนไปลงทุนในสินทรัพย์ของสหรัฐฯ ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า ส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐค่ะ
เงินอ่อนค่าเกิดจากสาเหตุหรือปัจจัยใด?
วันนี้คุณน้าจะพาไปเจาะลึกถึงสาเหตุและปัจจัยหลัก ๆ ที่มักส่งผลให้เงินอ่อนค่าค่ะ
เงินเฟ้อ

อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นภายในประเทศ เกิดจากราคาสินค้าและบริการที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ค่าเงินในประเทศอ่อนตัวลง ประชาชนต้องใช้เงินมากขึ้นในการใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าต่าง ๆ เท่าเดิม เช่น ประเทศไทยในช่วงปี 2565 ประเทศไทยเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็วจากผลกระทบของสงครามรัสเซีย และยูเครน ซึ่งทำให้ราคาน้ำมันและวัตถุดิบพุ่งสูง ส่งผลให้ต้นทุนสินค้าเพิ่มขึ้น ผู้บริโภคต้องจ่ายเงินมากขึ้นในชีวิตประจำวัน ขณะที่ค่าเงินบาทอ่อนลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐค่ะ
อัตราดอกเบี้ย

การเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่กำหนดโดยธนาคารกลางในแต่ละประเทศ ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อค่าเงินของประเทศนั้น ๆ เมื่อธนาคารกลางปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย จะทำให้การถือครองสินทรัพย์สกุลเงินนั้นให้ผลตอบแทนสูงขึ้น ทำให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ค่าเงินแข็งขึ้น เพราะความต้องการซื้อสกุลเงินนั้น ๆ เพิ่มขึ้นนั่นเองค่ะ ในทางกลับกัน หากปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง จะทำให้ผลตอบแทนจากการลงทุนลดลง เงินทุนจากต่างชาติอาจไหลออกไปยังประเทศที่ให้ผลตอบแทนดีกว่า ทำให้ค่าเงินอ่อนตัวลงค่ะ
ธนาคารกลางกำหนดอัตราดอกเบี้ยเพื่ออะไร?
ธนาคารกลาง เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ใช้การปรับอัตราดอกเบี้ยเป็นเครื่องมือในการควบคุมเศรษฐกิจ เช่น เมื่อต้องการชะลอเงินเฟ้อ ธนาคารกลางมักจะปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อชะลอการใช้จ่าย ในทางกลับกัน เมื่อต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็อาจลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อให้ประชาชนและธุรกิจสามารถกู้ยืมเงินได้ในต้นทุนที่ต่ำลง เช่น ตัวอย่างการปรับอัตราดอกเบี้ย “FED” เนื่องจากเงินดอลลาร์เป็นสกุลเงินหลักในการค้าระหว่างประเทศ จึงส่งผลต่อค่าเงินทั่วโลกโดยตรง อย่างในช่วงปี 2022 ถึง 2023 FED มีการปรับดอกเบี้ยหลายครั้งติดต่อกัน เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ จึงทำให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลายประเทศ ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงในช่วงเวลาดังกล่าวด้วยค่ะ
ความไม่สมดุลทางการค้า

การขาดดุลการค้าอย่างต่อเนื่อง (มีการนำเข้ามากกว่าการส่งออก) สามารถสร้างแรงกดดันต่อสกุลเงินให้อ่อนค่าลงได้เช่นกันค่ะเพราะจะสะท้อนถึงสภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศนั่นเอง และความไม่สมดุลทางการค้านี้ ก็อาจส่งผลให้ความต้องการสกุลเงินต่างประเทศเพิ่มขึ้น ส่งผลให้มูลค่าของสกุลเงินในประเทศลดลง ซึ่งความไม่สมดุลทางการค้า หมายถึง สถานการณ์ที่มูลค่าการ นำเข้าสินค้าและบริการของประเทศหนึ่งสูงกว่าการส่งออกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็คือ การเกิดดุลการค้าขาดดุล (Trade Deficit) เมื่อประเทศนำเข้าสินค้ามากกว่าที่ส่งออกเงินภายในประเทศจะถูกใช้เพื่อซื้อสินค้าและบริการจากต่างประเทศมากขึ้น ทำให้เกิดความต้องการใช้สกุลเงินต่างประเทศเพิ่มขึ้น (เช่น ดอลลาร์สหรัฐฯ, ยูโร และหยวน)
ในขณะที่ความต้องการใช้สกุลเงินในประเทศลดลง ส่งผลให้ค่าเงินในประเทศอ่อนค่าลงตามหลักของอุปสงค์และอุปทานในตลาดแลกเปลี่ยน ยกตัวอย่างเช่น หากประเทศไทยนำเข้าสินค้าประเภทพลังงาน วัตถุดิบ หรือสินค้าฟุ่มเฟือยจากต่างประเทศเป็นจำนวนมาก ขณะที่ยอดส่งออกเติบโตช้า ประเทศจะต้องแลกเงินบาทเป็นเงินตราต่างประเทศเพื่อจ่ายค่าสินค้านำเข้า ผลที่ตามมาคือ “เงินบาทอ่อนค่า” เพราะมีการขายเงินบาทและซื้อเงินตราต่างประเทศจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง
เสถียรภาพทางการเมือง เศรษฐกิจ และระดับหนี้สาธารณะ

ความมั่นคงทางการเมืองและเศรษฐกิจ ถือเป็นปัจจัยพื้นฐานที่มีผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั่วโลกต่อประเทศหนึ่ง ๆ อย่างมีนัยสำคัญ เพราะนักลงทุนมักต้องการลดความเสี่ยงจากความไม่แน่นอน เช่น ความเสี่ยงจากความวุ่นวายทางการเมือง, การเปลี่ยนนโยบายเศรษฐกิจอย่างกะทันหัน หรือภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวโดยไม่มีแนวทางแก้ไขที่ชัดเจน หากประเทศใดขาดเสถียรภาพในด้านเหล่านี้ จะทำให้นักลงทุนรู้สึกไม่มั่นใจในความสามารถในการบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาล และอาจถอนการลงทุนหรือหลีกเลี่ยงการถือครองสกุลเงินของประเทศนั้น ส่งผลให้ ค่าเงินอ่อนค่าลงได้
นอกจากนี้ ประเทศที่มีระดับหนี้รัฐบาลสูง เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ก็อาจถูกมองว่า มีความเสี่ยงในการชำระหนี้ในอนาคต ซึ่งส่งผลให้ความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจและสกุลเงินลดลงตามไปด้วย
ตัวอย่างหนี้รัฐบาลมีอะไรบ้าง?
- GDP Growth Rate อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในแต่ละปี
- เงินเฟ้อที่อยู่ในกรอบเป้าหมาย ไม่สูงเกินไปจนทำลายกำลังซื้อ และไม่ต่ำจนสะท้อนภาวะเศรษฐกิจถดถอย
- ดุลบัญชีเดินสะพัด ประเทศที่เกินดุลมีแนวโน้มค่าเงินแข็งกว่า
- อัตราดอกเบี้ยนโยบาย บ่งชี้ถึงนโยบายทางการเงินและเสถียรภาพด้านเงินทุน
- อันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) ที่ออกโดยสถาบันจัดอันดับอย่าง Moody’s, S&P และ Fitch
ข้อดี – ข้อเสีย ที่มีผลกระทบมาจากเงินอ่อนค่าคืออะไร?
ข้อดีของเงินอ่อนค่า
- ส่งเสริมการส่งออก
ผู้ส่งออกจากได้ประโยชน์จากเงินอ่อนค่าเพราะเงินที่ได้รับจากการค้าขายจะสามารถนำมาแลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินในประเทศได้สูงขึ้นค่ะ
- ส่งเสริมการท่องเที่ยว
ผู้ที่ประกอบกิจการในด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจะได้รับประโยชน์จากเงินตราต่างประเทศ (กรณีที่รับเงินเป็นสกุลต่างประเทศ) เพราะหากนำมาแลกเป็นสกุลเงินในประเทศจะได้อัตราที่สูงขึ้นค่ะ
ข้อเสียของเงินอ่อนค่า
- ราคาสินค้านำเข้าแพงขึ้น
ผู้นำเข้าสินค้าจะได้รับผลกระทบเมื่อค่าเงินอ่อน เพราะทำให้ต้นทุนสินค้าที่นำเข้ามามีมูลค่าสูง เนื่องจากค่าเงินในประเทศอ่อนค่าลงค่ะ
- ค่าครองชีพสูงขึ้น
เมื่อสินค้านำเข้ามีราคาที่สูงขึ้น ก็จะทำให้ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคมีราคาสูงขึ้นตามไปด้วย ส่งผลให้ความต้องการซื้อลดลง แต่ความต้องการขายเพิ่มขึ้น หรือที่เรียกว่า “อุปสงค์-อุปทาน” ค่ะ
เงินอ่อนค่า ควรลงทุนอย่างไรดี? พร้อมวิธีรับมือ
เมื่อค่าเงินในประเทศอ่อนค่าลง นักลงทุนจำนวนไม่น้อยจะเริ่มพิจารณาว่า หุ้นกลุ่มใดจะได้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว หุ้นกลุ่มส่งออก มักเป็นกลุ่มที่ได้รับความสนใจมากที่สุด เนื่องจากรายได้จากการส่งออกจะถูกแปลงกลับมาเป็นสกุลเงินภายในประเทศ ทำให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเมื่อค่าเงินอ่อนลง นอกจากมุมมองการลงทุนระยะกลางหรือยาว ยังมีอีกด้านหนึ่งที่นักลงทุนโดยเฉพาะสายเทรดต้องจับตามองคือ การเก็งกำไรจากค่าเงิน หากมีการคาดการณ์ว่า สกุลเงินใดกำลังจะอ่อนค่าลง นักลงทุนบางกลุ่มอาจเริ่มทำการเทขายสกุลเงินนั้นในปริมาณมาก เพื่อทำกำไรล่วงหน้า ซึ่งยิ่งเป็นการเร่งให้ค่าเงินอ่อนตัวเร็วขึ้นอีกด้วยค่ะ
แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกโอกาสจะเหมาะกับทุกคน นักลงทุนควรติดตามข่าวเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด และ วิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของบริษัทควบคู่ไปด้วย เพื่อให้การตัดสินใจลงทุนมีความรอบคอบและลดความเสี่ยงในตลาดที่มีความผันผวนสูงค่ะ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเงินอ่อนค่า
1. เงินอ่อนค่าใครได้ประโยชน์?
ผู้ส่งออกจะได้ประโยชน์จากการส่งออกเป็นอย่างมาก แต่ต้องคอยติดตามข่าวสารให้ดีว่าเงินจะแข็งค่าขึ้นเมื่อไหร่
2. เงินอ่อนค่าทำให้ของแพงขึ้นจริงหรือไม่?
จริง โดยเฉพาะสินค้านำเข้า เช่น น้ำมัน, วัตถุดิบ, เทคโนโลยี ฯลฯ ซึ่งจะกระทบค่าครองชีพโดยรวม
3. เงินอ่อนค่ากับเงินแข็งค่าต่างกันอย่างไร?
เงินอ่อนค่าคือมูลค่าเงินลดลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่น ส่วนเงินแข็งค่าคือมูลค่าเงินเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลต่างกันต่อการส่งออก นำเข้า และกำลังซื้อของประชาชน
สรุปเงินอ่อนค่าคืออะไร
เมื่อเงินอ่อนค่าลง อาจจะทำให้นักลงทุนสามารถสร้างประโยชน์ได้จากการที่ค่าเงินอ่อนตัวลง รวมไปถึงผู้ส่งออกหรือในด้านการท่องเที่ยวที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินที่อ่อนตัวลง แต่ในแง่ผลกระทบจากเงินอ่อนค่า ก็เป็นสิ่งที่ควรระวังและควรเตรียมพร้อมกับการรับมือให้ดี ติดตามข่าวเศรษฐกิจ วิเคราะห์เศรษฐกิจในช่วงนั้น ๆ ให้ดี ก็จะช่วยลดความเสี่ยง และเพิ่มโอกาสในการลงทุนได้อีกด้วยค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก : BOT
สำหรับใครที่สนใจอ่านรีวิวโบรกเกอร์ : Review Brokers
บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing
คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge